top of page
  • zengubonsai

ปลาคาร์ฟที่ใครๆควรรู้จัก


คนเค้าเล่าต่อๆกันมาก ตามตำนานโบราณ ปลาคาร์ฟเป็นปลาที่มีพลังวิเศษ แข็งแกร่ง และมีความอดทนสูงมาก ปลาคาร์ฟ สามารถทวนกระแสน้ำเชี่ยวของแม่น้ำเหลือง และขึ้นไปยังน้ำตกที่เรียกว่าประตูมังกรได้ และกลายเป็นมังกรเวทมนต์ ปลาคาร์ฟจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ เอาชนะอุปสรรคต่างๆได้ และเป็นสัญลักษณ์ความมั่งคั่ง ร่ำรวยเงินทองนั้นเอง สำหรับต้นกำเนิดของปลามีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นปลาเลี้ยงที่นิยมเลี้ยงในบ้านเพื่อความสวยงามของคนที่เชื่อชอบปลา แล้ว ทั้งยังสามารถเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับบ้าน และสร้างฮวงจุ้ยที่ดีให้บ้านเรือนได้ ปลาคราฟยังเป็นปลาเลี้ยงที่ติดท็อปอันดับราคาแพงที่สุดของโลกเลยทีเดี๋ยว


เลี้ยงปลาคราฟ ต้องมีข้อควรรู้และข้อควรระวังอะไรบ้าง อันดับแรกต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของก่อน เพราะหากคุณสามารถรับมือในการเลี้ยงได้ดีก็จะสามารถเพิ่มอายุของปลาคราฟได้มากขึ้น 


ลักษณะภายนอกของปลาคราฟ

สายพันธุ์ปลาคราฟแต่ละชนิดจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไปแต่สายพันธุ์แต่ทั่วไปแล้วปลาจะมีลักษณะลำตัวค่อนข้างกลมๆ บริเวณหัวจะไม่มีเกร็ด ซึ่งสีปลาที่เราพบเห็นนั้นคือ สีแดง ส้ม และเหลืองสีขาว เป็นสีที่เกิดจากสารแคโรทีนอยด์ที่สามารถเปลี่ยนสารสีได้ และความเข้มของสีภายในได้เอง ส่วนสีอื่นๆ เช่น สีดำ, น้ำเงิน, ขาว หรือเมทัลลิก ที่พบในปลานั้นเป็นเซลล์สีของปลา โดยปลาที่ดีต้องมีลักษณะที่สมบูรณ์ตั้งแต่หัวจรดหางปลา ดูง่ายๆ ดังนี้ ปลาจะต้องมีขนาดสัดส่วนที่พอดี ลำตัวต้องไม่โค้ง หรือกลมเกินไป บริเวณหัวปลาต้องไม่นูนออกมา ครีบและหางต้องไม่แหว่งออก สุขภาพผิวดูดี โดยสีของปลาต้องมีขอบสีที่เรียบสม่ำเสมอเป็นเงางาม ลักษณะการเคลื่อนไหวของปลาคราฟ ตัวนั้นว่ายน้ำอย่างราบรื่น ดูสง่างาม ไม่ซึม จับตัวอยู่เป็นกลุ่มก้อนนั่นคือลักษณะตันไหนที่ควรซื้อ


อายุของปลาคราฟที่ควรซื้อ

อายุของปลาคราฟ เป็นอีกข้อหนึ่งที่ควรคำนึง เพราะปลาคราฟที่จะซื้อมาเลี้ยงนั้นควรจะมีอายุระหว่าง 1-2 ปี และควรแยกบ่อเลี้ยงตามชนิดของพันธุ์ปลาคราฟ แล้วรู้หรือไม่ว่า ปลาคราฟมีอายุขัยเฉลี่ยมากถึง 10 - 25 ปี เลยทีเดียวนานมาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายพันธ์ุของปลาคราฟเป็นตัวกำหนดอายุขัยของมันเองด้วย ซึ่งเคยมีบันทึกว่า ฮานาโกะ เป็นปลาคราฟจากประเทศญี่ปุ่นที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกถึง 226 ปี ยาวนานกว่าคนเราอีก ฉะนั้นการเลี้ยงดูที่ดีจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก



สายพันธุ์ปลาคราฟที่นิยมเลี้ยงมากที่สุด

สายพันธุ์ ที่นิยมเลี้ยงนั้นมีมากมาย จะมีสายพันธุ์ไหนบ้าง แต่ละพันธุ์มีจุดเด่นอย่างไร พันธุ์โคฮากุ พันธุ์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด และนิยมเลี้ยงมากที่สุด พันธุ์โชวา พันธุ์ไทโซซันโชกุ ลักษณะเป็นสีขาว แดง และดำทอง พันธุ์อุสึริโมโน ลวดลายสีดำพาดคล้ายสีหมึกดำ มีทั้งขาวดำ, แดงดำ และเหลืองดำ พันธุ์ตันโจ เป็นพันธุ์ที่หายากมาก จุดเด่นคือมีวงกลมสีแดงบริเวณหัวของปลาและตัวสีขาว จึงทำให้มองดูคล้ายธงชาติประเทศญี่ปุ่น นิยมอย่างมากในหมู่คนชอบปลาคราฟญึ่ปุ่น พันธุ์อาซากิ ชูซุย มีความโดดเด่นด้วยเกล็ดสีน้ำเงิน กลางลำตัวเป็นสีเทา ครีบและหางเป็นสีแดง ส่วนหัวต้องเป็นสีขาวถึงจะเป็นปลาคราฟที่สมบูรณ์ พันธุ์เบนิ คิโคะคุริว ความพิเศษของพันธุ์นี้ คือ สามารถเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ ส่วนใหญ่มีสีขาว ดำ และฟ้า แล้วยังมี สายพันธุ์คินกินริน ,พันธุ์โกโรโมะ และ พันธุ์โอกอน อีกด้วย


เมื่อศึกษาถึงวิธีการเลือกซื้อปลาคราฟ และข้อควรรู้ต่างๆ เกี่ยวกับปลาคราฟแล้วนั้น วิธีการเลี้ยงก็

เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน โดยวิธีการเลี้ยงในบ้านที่ดีนั้น มีดังนี้

บ่อปลาที่ดี ถูกต้อง เหมาะสม 

หลายคนน่าจะทราบกันดีว่าบ่อที่มีพื้นที่เยอะจะส่งผลดีต่อ เราจึงเห็นว่าคนเลี้ยงส่วนมากนิยมสร้างบ่อให้มีขนาดใหญ่เพื่อสามารถให้ปลาแหวกว่ายได้ ซึ่งเป็นวิธีทําบ่อง่ายๆ แต่ต้องมีข้อที่ต้องระวัง ดังนี้ บ่อปลาคราฟจะต้องมีร่มเงาที่เพียงพอเพื่อช่วยลดระดับความเครียด ทั้งยัง ช่วยให้ปลามีสีสันที่สดสวยอีกด้วย การรักษาอุณหภูมิของบ่อที่เหมาะสม คือ อุณหภูมิ 15 - 25 องศาเซลเซียส เมื่ออุณหภูมิเหมาะสมแล้วจะส่งผลให้ระบบดูดซึมอาหารของปลาได้ ทำงานได้ดีที่สุด รูปทรงบ่อปลาคราฟที่นิยมสร้าง ได้แก่ บ่อปลาคราฟทรงเหลี่ยม นิยมทำเมื่อมีพื้นที่จำกัด บ่อปลาคราฟฟอร์มเลียนแบบธรรมชาติ หรือฟรีฟอร์ม บ่อปลาคราฟมีขนาดมาตรฐานประมาณ 80 x 120 เซนติเมตร และมีความลึกประมาณ 1.75 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนที่เลี้ยงด้วย โดยไม่ควรเลี้ยงปลาคราฟ จำนวนมาก และต่างสายพันธ์ุในบ่อเดียวกัน

ระบบกรองน้ำในบ่อ

ระบบกรองน้ำกับบ่อปลาเป็นส่วนสำคัญ  ควรมีความลึกและมีขนาดเป็นหนึ่งในสามของบ่อปลา บริเวณจุดต่ำสุดหรือเรียกว่าสะดือบ่อนั้นเป็นจุดที่เหมาะสมในการติดตั้งระบบกรองน้ำเพื่อถ่ายเทของเสียออกจากบ่อปลา จำเป็นต้องทำความสะอาดบ่อปลาทุกเดือน  การติดตั้งหัวพ่นอากาศในลักษณะของน้ำพุ หรือน้ำตกที่บ่อปลาจะเป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้แก่เจ้าปลาของคุณได้  หลังจากเตรียมบ่อปลาเสร็จแล้วนั้น ต้องแช่น้ำทิ้งไว้ 5 - 7 วัน แล้วปล่อยน้ำเสียออกมา จากนั้นเตรียมน้ำทิ้งไว้อีก 3 วัน แล้วค่อยเปิดระบบกรองน้ำทิ้งไว้ได้เลย 

การทำความสะอาด

บ่อปลาที่สะอาดนั้นจะต้องใส่ใจดูแลบ่อกรองมากกว่าบ่อปลา และควรทำความสะอาดอย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง แต่หากล้างบ่อเลี้ยงปลาบ่อยๆ อาจจะทำให้ปลาช็อคได้  วิธีการทำความสะอาดบ่อปลาที่ถูกต้อง คือ ควรกั้นน้ำระหว่างบ่อปลากับบ่อกรอง จากนั้นถ่ายน้ำเสียออกจากบ่อกรอง แล้วปล่อยน้ำจากบ่อเลี้ยงเข้าสู่บ่อกรองเพื่อกรองทำความสะอาด และควรใส่จุลินทรีย์เพื่อปรับสภาพน้ำเสมอเมื่อทำการเปลี่ยน ทั้งในบ่อเลี้ยงปลาและบ่อกรอง โดยวิธีนี้จะสามารถทำให้บ่อเลี้ยงปลาสะอาด และปลาไม่เกิดอาการช็อคหลังจากเปลี่ยนน้ำได้  สำหรับใครที่กังวลเรื่องตะไคร่น้ำในบ่อเลี้ยงปลาว่าควรกำจัดหรือไม่ บอกเลยว่าตะไคร่น้ำนั้นเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติที่ดีของปลาเลย ทั้งยังสามารถช่วยกรองน้ำในบ่อเลี้ยงปลาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นแนะนำว่าไม่ควรกำจัดหรือดูดตะไคร่น้ำทิ้งไป

การให้อาหารแก่ปลา

ควรให้อาหารปลาอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน  ได้แก่ช่วงเช้าและช่วงเย็น  โดยควรให้ในปริมาณทีละน้อยๆ เพื่อให้เหมาะสมกับระบบการย่อยของปลาด้วย  ซึ่งอาหารที่ปลากินได้ เช่น  พืชผัก เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, สาหร่าย ,แหน, รำ ,หรือ,ตะไคร่น้ำ สาหร่ายในน้ำ เนื้อสัตว์ที่เป็น, เนื้อกุ้งป่น, หอยป่น ,ปู ,ปลาป่น ,ไรน้ำ, ลูกน้ำ ,หรือหนอนแดง  อาหารสำเร็จรูป


โดยในการให้อาหารปลาแต่ละครั้งต้องคอยกำจัดเศษอาหารที่เหลือค้างในบ่อปลาเป็นประจำ

ทั้งหมดนี้เป็นเทคนิคการเลี้ยงปลาคราฟในบ้าน และข้อควรรู้เกี่ยวกับปลาที่เราได้รวบรวมมาให้ได้ ใครที่กำลังสนใจอยากเลี้ยงอยู่ แล้วเข้ามาอ่านบทความนี้หน้าจะได้ประโยชน์มาขึ้น รับรองว่าปลาของคุณจะมีสีสวยสดใส เป็นปลาที่มีสุขภาพดีอย่างแนนอน แถมได้วิธีดูแลบ่อปลาในบ้านให้ถู ต้องอีกด้วย แค่นี้ก็ทำให้บ้านของคุณดูร่มรื่นสวยงามน่าอยู่มากขึ้น เพลิดเพลินไปกับฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมา


ดู 5 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page