top of page
  • zengubonsai

ศิลปะที่มีชีวิต ประวัติความเป็นมาของ “ บอนไซ ”


ในประเทศญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมหนึ่งที่อยู่คู่ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมายาวนานหลายร้อยปี ปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกก็คือ “ บอนไซ ” หากย้อนกลับเดิมทีเป็นวัฒนธรรมชองชนชั้นสูงระดับซามูไรขุนนางไปจนถึงโชกุน แต่พอกาลเวลาผ่านไปก็ถูกเผยแพร่ถึงบุคคลทั่วไปในเวลาต่อมา และยังคงถูกพัฒนาจนมีแบบที่เป็นมินิ ได้กลายเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก วันนี้ zengu จะพาไปรู้จักกับประวัติความเป็นมากันเลย



ประวัติความเป็นมาของ บอนไซ


เมื่อพูดถึง “บอนไซ” แล้วเราทุกคนมักจะนึกภาพถึงของความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม จึงถูกมองว่าเป็นงานอดิเรกชั้นสูงที่เหมาะกับคนญี่ปุ่นที่มีความละเอียดอ่อนและเก่งเรื่องงานฝีมือที่แสดงถึงความประณีตและอ่อนช้อยบวกกับความใส่ใจในงานศิลปะ เพราtต้องอาศัยการดูแลรักษาอย่างระมัดระวังมาก แท้จริงแล้วนั้นมีประวัติอยู่คู่ประเทศญี่ปุ่นมายาวนานตั้งแต่ก่อนสมัยเอโดะแล้ว โดยหากย้อนถึงประวัติความเป็นมาที่แท้จริง เราจะพบว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน อีกทั้งประเทศจีนมีวัฒนธรรมสำคัญทางประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี

ศิลปะที่มีชีวิตนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการพัฒนาการปลูกพืชและการเกษตร สามารถอ้างอิงได้จากภาพเขียนและบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีนที่มีการกล่าวถึงการเพาะปลูกทั้งพืชไร่และข้าว โดยจะเห็นได้ว่าในประวัติศาสตร์ของชาวจีนนั้นมีประวัติการอยู่คู่การปลูกพืชมานมนานตั้งแต่ช่วงราชวงศ์ฮั่น (ค.ศ. 25 – 220) เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 969 – 1279) ก็เริ่มมีการปลูกต้นไม้ลงกระถางเพื่อความเพลิดเพลินแพร่หลายมากขึ้นทั้งในหมู่ราชวงศ์และคนทั่วไป


บอนไซเริ่มแพร่หลายในญี่ปุ่นได้อย่างไร


แน่นอนว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้รับอิทธิผลมาจากประเทศจีนในหลายด้าน รวมถึงการปลูกพืชกระถางก็เช่นกัน แม้จะไม่สามารถระบุได้ว่าเริ่มแพร่หลายในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ตอนไหน เพราะไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ให้อ้างอิงแน่ชัด แต่ในช่วงปลายสมัยเฮอัน (ค.ศ. 794 – 1185) ก็มีหลักฐานอยู่ในม้วนภาพวาดอันเก่าแก่เป็นภาพของขุนนางที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับพืชกระถางอยู่ในสวนหลงเหลือเอาไว้อยู่ด้วย

หลักฐานภาพวาดทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเรียกว่า “ม้วนภาพวาดของไซเงียว” ที่ระบุเอาไว้ช่วงกลางสมัยคามะคุระ (ค.ศ. 1185 – 1333) โดยจะมีภาพวาดของไม้ประดับที่ชัดเจนว่าเป็นบอนไซกับหินก้อนใหญ่ถูกวาดเอาไว้

หลังจากนั้นมีหลักฐานว่ากลายเป็นวัฒนธรรมของการจัดสวนที่เด่นชัดมากขึ้นจากม้วนภาพวาดสมัยปลายสมัยคามะคุระ ของคุณทาคะชินะ ทาคาคาเนะ (高階隆兼) เจ้าของผลงานผู้เป็นจิตรกรในพระราชสำนักของจักรพรรดิฮานะโซโนะที่ 95 (ค.ศ. 1308 – 1318) โดยในภาพวาดจะมีภาพของต้นไม้เล็กๆที่ถูกจัดอย่างสวยงามท่ามกลางทรายและหินซึ่งถือเป็นศิลปะที่งดงาม


กล่าวกันว่าเหล่าโชกุนหลังจากยุคของโชกุนโทคุงาวะ อิเอยาสุเป็นต้นมาต่างก็ชื่นชอบเป็นงานอดิเรกเช่นกัน  โดยในปัจจุบันต้นสนห้าเข็มของโชกุนโทคุงาวะ อิเอมิสึที่มีอายุกว่า 550 ปี ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ในพระราชวังอิมพีเรียลอีกด้วย

ต่อมาในสมัยเอโดะนั้นเรียกได้ว่าเป็นยุคเฟื่องฟูเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่งานดิเรกในหมู่ขุนนาง โชกุนและชนชั้นสูงเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นงานอดิเรกในหมู่คนทั่วไปอีกด้วย


ต้นกำเนิดของมินิบอนไซ


ปัจจุบันกลายเป็นวัฒนธรรมการจัดสวนที่รู้จักอย่างแพร่หลายและเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก ก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกขึ้นในรูปแบบของต้นไม้จิ๋วหรือ “มินิ” เพื่อให้ผู้คนที่ไม่มีพื้นที่สวนหรือผู้ที่อาศัยอยู่ตามอพาร์ทเมนท์ได้เพลิดเพลินได้ด้วยเช่นกัน ด้วยขนาดที่เล็กกระทัดรัด , เคลื่อนย้ายสะดวก, ดูแลง่ายและยังสามารถหาซื้อได้ง่ายนี้ ทำให้ความนิยมไม่ได้อยู่แค่ในเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่คนวัยหนุ่มสาวแม้กระทั่งพนักงานออฟฟิศก็ให้ความสนใจและชื่นชอบจนกลายเป็นเรื่องปกติทั่วไปไปแล้ว  

โดยสรุปแล้วแม้จะมีที่มาจากประเทศจีนแต่คนทั่วไปก็มักคุ้นเคยกับประเทศญี่ปุ่นกันเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามก็เป็นทั้งศิลปะและวัฒนธรรมการจัดสวนที่สำคัญและเก่าแก่ของทั้งสองประเทศซึ่งได้รับการสืบทอดต่อมาจนกลายเป็นที่นิยมในยุคสมัยใหม่นี้

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พออ่านมาถึงตรงนี้แล้วมีใครอยากลองเลี้ยงดูบ้างไหมเอ่ย เพราะทาง Zengu เองก็มีให้เลือกมากมายหลายขนาดเลยนะคะ เพราะทั้งบริการดูแลหลังการขายพร้อมให้คำแนะนำค่ะ สนใจสอบถามที่ทางเพจ Zengu Bonsai Art Gallery กันได้เลยนะคะ

ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page