สวนน้ำชา นั้นเป็นอีกหนึ่งสวนญี่ปุ่นที่สวยงามอีกส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากสวนในวัดเซน ในแง่ของสมาธิและความสงบเงียบงันแต่สวนน้ำชาถือว่าเป็นสวนที่ต้องเข้าถึงเรือนน้ำชาจึงจำเป็นต้องมีทางเดินที่มีชื่อเรียกว่า (โรจิ-ทางเดินที่ชุ่มน้ำค้าง)และยังจำเป็นต้องมีศาลาพักคอยมักจะเรียกสวนชาว่า ชาโรจิ ซึ่งเป็นต้นแบบสวนญี่ปุ่นที่ใช้ทางเดินเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญจึงถึงปัจจุบันแต่โบราณ สวนน้ำชามี 2 ส่วน คือส่วนด้านนอกเป็นศาลาพักคอยของแขกที่มารอรับเชิญเข้าเรือนน้ำชา และส่วนด้านในเป็นเรือนน้ำชา ทั้งสองส่วนถูกแบ่งออกด้วยรั้วและประตูเล็กๆ แล้วต่อเชื่อมด้วยทางเดินที่ชุ่มน้ำค้าง เพื่อให้มีความรู้สึกสดชื่น ทางเดินจะใช้ก้อนหินหน้าเรียบวางแยกก้าวพอเดินได้สบาย ไม่นิยมวางเป็นแนวตรง ไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป เพื่อให้ก้าวเดินเข้าไปทีละคน ด้วยความมีสติ รู้ตัวพืชพรรณและก้อนหินที่รายไปทั้งสองข้างทางเดิน ควรจัดวางให้เป็นธรรมชาติ ใช้วิธีการจัดที่เรียกว่า “ซ่อนและเปิดเผย” อันเป็นวิธีการจัดวางที่ต้องเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ อาจเจอฉากพรางตาหรือเหลี่ยมมุมของก้อนหิน แล้วจึงได้เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ นี่เป็นการสร้างความน่าสนใจให้เกิดขึ้นตลอดสาย นิยมใช้ต้นไม้สีเขียวที่ดูชอุ่มงามตลอดปี หลีกเลี่ยงการใช้ไม้ดอกหรือองค์ประกอบอื่นใดที่งดงามเกินจำเป็น เพื่อให้จิตใจได้สัมผัสกับความเรียบง่ายสมถะ ก่อนเข้าเรือนน้ำชาก็จะพบกับอ่างน้ำที่เรียกว่า สึกุไบ ที่รับน้ำมาจากท่อไม้ไผ่ เพื่อใช้น้ำชำระมือและปาก ข้างๆ ยังมีตะเกียงหินให้แสงสว่างอยู่ใกล้ๆบริเวณนี้ และอาจมีก้อนหินประกอบอยู่ก้อนหนึ่งสำหรับให้วางสิ่งของเล็กๆก่อนล้างมือ(คนที่เคยไปวัดญี่ปุ่นก็อาจจะเคยพบเห็นว่ามีอ่างน้ำ มีกระบวยให้ล้างมือล้างปากก่อน) เพียงแต่อ่างน้ำในสวนชา จะอยู่ต่ำติดพื้นดิน เพื่อให้ผู้ชำระล้างได้ย่อยอบตัวลง ประหนึ่งการน้อมจิตใจลงสู่ความสงบที่กำลังจะเกิดขึ้นในเรือนชา
ปัจจุบันสวนน้ำชาได้รับเป็นที่นิยมนำมาจัดตามสถานที่ต่างๆ มีการพัฒนารูปแบบไปมากมาย ส่วนใหญ่จะหยิบเอารูปแบบพื้นฐานเข้ามาจัดเพื่อความสวยงามมากกว่ามุ่งเอาความหมายดั้งเดิม
อ่างน้ำริน มารู้จักกับอ่างน้ำรินกันเถอะ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ควรมีในสวนน้ำชาเพราะชาวญี่ปุ่นถือว่าหากมีไว้ในสวนจะถือเป็นการเสริมสิริมงคลและเสริมฮวงจุ้ยเพิ่มความมั่งคั่งให้กับภายในบ้าน หากนำไปตกแต่งประดับสวนจะทำให้ดูมู้ดและได้รับความรู้สึกดีๆ ในทุกครั้งที่เดินเข้าไปในสวนอีกด้วย การที่มีอ่างน้ำรินอยู่ภายในสวนชาวญี่ปุ่นจะถือว่าเป็นเคล็ดที่ดีเพราะเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไปในขณะที่ล้างมือหรือล้างหน้าสำหรับใครที่ต้องการจัดสวนแบบสวนน้ำชาต้องมีอ่างน้ำรินให้ได้เลยนะ หากบ้านไหนไม่มีถือว่าขาดปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งเลยอีกหนึ่งเทคนิคก็คือการช่วยเปลี่ยนพื้นที่ให้ได้สไตล์ คือ การทำบ่อน้ำที่รายล้อมด้วยต้นไม้ยิ่งจะเพิ่มความธรรมชาติให้สวนร่มรื่นและมีอากาศเย็นสบายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเลี้ยงปลาคาร์ปซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ พอเปลี่ยนบรรยากาศให้สวนแล้วอาจทำให้ชีวิตคุณเงียบสงบมากขึ้นอีก
สไตล์หลักของการจัดสวนน้ำชานี้ควรมีข้อคำนึงการจัดด้วยว่าควรจัดวางไว้ตรงไหนของบ้าน โดยตามเกณฑ์ไว้ว่า
1.จัดสวนตามทิศทางของตัวบ้าน
2.สวนน้ำชาต้องมีองค์ประกอบด้วย ภูเขาและเนินดินสลับกับที่ราบ มีน้ำตก ลำธาร และพร้อมด้วยสระน้ำ
3.การไหลของกระแสน้ำ ต้องมีการไหลจากทิศตะวันออกไปตะวันตก เพราะมีความเชื่อว่าทิศตะวันออกเป็นทิศที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง จะนำพาสิ่งมงคลเข้ามาในบ้าน และทิศตะวันตกจะนำสิ่งชั่วร้ายออกไป
4.การจัดต้นไม้และส่วนประกอบอื่นๆที่เลียนแบบธรรมชาติ
ตามแนวคิดนี้จะเรียกว่า Shinden Style หรือ Shinden Sukuri เรียกชื่อภาษาอังกฤษเต็มว่า The Landscape Garden With Hills and water
เรื่องเล็กๆที่เราควรรู้อีกหนึ่งอย่างคือตําแหน่งของการวางอ่างนํ้ารินก่อนเข้าเรือนชาโดยคนญี่ปุ่นก่อนเข้าสู่เรือนน้ำชาจะมีการล้างมือล้างปากซึ่งจะเป็นการล้างชําระจิตใจ จะมีหินที่วางอยู่บริเวณนั้น เรียกว่า "โทบิอิชิ" สําหรับเดิน "มาเอะอิชิ" สําหรับยืน ส่วนอีกก้อนจะเห็นหินสําหรับวางเชิงเทียน "เทโชคุอิชิ" จะมีลักษณะยาวหน่อย และอีกอันจะสําหรับวางนํ้าอุ่นยุคาเคะอิชิ และหลังจากล้างมือล้างปากเสร็จแล้ว ก็จะล้างด้ามกระบวยเพื่อคนต่อไปจะได้ใช้ต่อและนี่ก็คือความหมายของอ่างนํ้ารินที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ในสวนญี่ปุ่นยิ่งถ้าเราได้เข้าใจความเป็นมาบ้างเรื่องของการชมสวนน้ำชาก็จะมีรสชาติมากขึ้น
Comments